คดีภาษีทักษิณ เหตุผลศาลฎีกาพิพากษากลับให้”ทักษิณ ชินวัตรจ่ายภาษี
คดีภาษีทักษิณ วันนี้ (18 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6890/2568 (ภาษีหุ้นชิน) allgame bet เครดิตฟรี เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลภาษีอากรกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯรัฐมนตรี โดยนายสมบูรณ์ คุปติมนัส ผู้รับมอบอำนาจ สูตรบาคาร่า แม่นยําที่สุด เป็นโจทก์ฟ้อง กรมสรรพากร จำเลยที่ 1 กับคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คือ นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ ,นายประภาส สนั่นศิลป์ และนายพิสิทธิ์ ศรีวรานันท์ เป็นจำเลยที่ 2-4 เรื่องขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ ที่แจ้งให้นายทักษิณ จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ เป็นเงิน 1.76 หมื่นล้านบาทให้กับกรมสรรพากร

คดีภาษีทักษิณ เปิดเหตุผลศาลฎีกาพิพากษากลับให้”ทักษิณ ชินวัตร”ต้องจ่ายภาษี ขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ 1.76 หมื่นล้านบาทแก่กรมสรรพากร ระบุ”โอ๊ค-เอม”ถือหุ้นแทน เป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรม ไม่สอดคล้องเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ปลดและยกเลิกหรือเพิกถอนการประเมินของจำเลยที่ 1 ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.12) ไม่ระบุเลขที่ใบแจ้ง ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-4 จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้ยกฟ้อง
คดีภาษีทักษิณศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12) เนื่องจากเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินกรมสรรพากร มิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบโจทก์ ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร ในฐานะตัวการ การออกหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12) จึงเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบ
จำเลยทั้งสี่ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ขณะที่นายทักษิณ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยแยกเป็นประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่1 ศาลฎีกาต้องส่งคำร้องของโจทก์ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2551 เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ มิได้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ดังนั้น การที่โจทก์ขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ ขัดหรือแย้ง
ต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ในบทมาตราที่มีลักษณะเดียวกัน จึงเป็นการร้องขอในเรื่องลักษณะเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรจะส่งคำร้องของโจทก์ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย