กยศ.

กยศ. หรือแก๊งเงินกู้!? ยิ่งจ่ายหนี้ยิ่งเพิ่ม “อุ๊งอิ๊ง” เตรียมตัวเป็นจำเลยที่ 1

กยศ. พ.ร.บ.กองทุน ก ย ศ AIสแกนบาค่าร่า ฉบับใหม่ที่ผ่อนปรนเงื่อนไขกว่าเดิม ใช้บังคับมาแล้ว 2 ปี แต่ลูกหนี้ ก ย ศ ยังคงถูกเอารัดเอาเปรียบ ล่าสุดพบกรณีกู้เงินมาเรียน 2 แสนเศษ ชำระคืนจนเหลือ 8 หมื่นกว่า แต่มีปัญหาการเงินจึงขอปรับโครงสร้างหนี้ มงคลสล็อต pg ยอดหนี้กลับเพิ่มเป็นเกือบ 3 แสนบาท ต้องผ่อนชำระคืนอีก 15 ปี นี่แค่ตัวอย่างหนึ่ง คาดว่ายังมีอีกหลายเคส มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินประกาศเป็นเจ้าภาพช่วยลูกหนี้ ก ย ศ ที่ถูกเอาเปรียบ ฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องข้อหาทำผิด พ.ร.บ. ก ย ศ ฉบับที่ 2 นายกฯ ผู้รับผิดชอบสูงสุดเป็นจำเลยที่ 1 ตามด้วย รมว.-ปลัดคลัง และผู้จัดการกองทุน

กยศ.ออกมาตรการ หักเงินเดือนเพิ่ม แนะ ปรับโครงสร้างหนี้ก่อน 5 ก.ค.

กยศ.

ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดจากการกู้ยืมเงินจาก “กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา” หรือ ก ย ศ ซึ่งในช่วงหลายปีหลังมีการเอารัดเอาเปรียบลูกหนี้

แม้ว่าจะมีลูกหนี้ ก ย ศ ส่วนหนึ่งที่ขาดวินัยทางการเงิน ไม่ยอมชำระหนี้ หรือผิดนัดชำระก็ตาม แต่ที่ผ่านมาการออกแบบโครงสร้างวิธีคิดอัตราดอกเบี้ย วิธีการผ่อนชำระ รวมไปถึงปัญหาในการบริหารจัดการเพื่อทวงหนี้ และฟ้องร้องลูกหนี้นั้นทำไปด้วยจุดประสงค์ในการหากำไรเชิงพาณิชย์ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง “กองทุน ก ย ศ” อย่างสิ้นเชิง

ล่าสุด แม้ว่าเรื่องนี้ควรจะถูกแก้ไขไปเป็นปีแล้ว แต่ก็ยังมี “ลูกหนี้ ก ย ศ ” ที่ส่งเรื่องราวร้องเรียนมาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการบริหารงานไม่โปร่งใส และไม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 เนื่องจากยอดหนี้ ก ย ศ ในระบบต่างๆ ไม่ตรงกัน

ทั้งที่อ้างคำนวณใหม่เสร็จเรียบร้อยมาแล้ว แถมเจ้าหน้าที่กองทุนก็ยังเร่งรัดให้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ยึดยอดหนี้เดิมแม้ว่าได้ชำระคืนไปจำนวนมากแล้วก็ตาม ซึ่งต้องใช้เวลาในการผ่อนชำระต่ออีกหลายสิบปี

กยศ.พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 มีสาระสำคัญเพื่อแบ่งเบาภาระของลูกหนี้ เช่น
– คิดดอกเบี้ย ไม่เกิน 1% ต่อปี (จากเดิมที่กำหนดอัตรา 1% ต่อปีเช่นกัน แต่มีเงื่อนไข และค่าธรรมเนียมต่างๆ ยุบยับ)
– เบี้ยปรับ ลดจาก 7.5% ต่อปี เหลือ 0.5% ต่อปี
– ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน
– เพิ่มให้กู้ยืมหลักสูตรระยะสั้น เพื่อ Reskill Upskill
– และอีกข้อที่สำคัญคือ เปลี่ยนลำดับตัดชำระ เป็นเริ่มจากตัดต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด

> ค่อยไปตัดดอกเบี้ย > สุดท้ายค่อยไปตัดเบี้ยปรับ (จากเดิมต้อง จ่ายเบี้ยปรับก่อน > ค่อยไปตัดดอกเบี้ย และสุดท้ายจึงตัดเงินต้น)

ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่พร้อมให้หักเงินเดือน หากผู้กู้ไม่สามารถให้หักเงินเดือนได้ตามจำนวนที่แจ้ง สามารถเลือกขอทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราที่ลดลงได้ โดยสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้กู้ยืมกว่า 200,000 รายเข้าร่วมแล้ว

Similar Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *