บัตรคอนเสิร์ตนั่งเล่น สาวโพสเล่า อุทาหรณ์ ซื้อตุนบัตรคอนเสิร์ต 8 แสน
บัตรคอนเสิร์ตนั่งเล่น 15 ธันวาคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ทีเด็ด บอลเต็ง 3 คู่ มีการเล่าประสบการณ์การลงทุนด้วยเงิน 8 แสนบาท กว้านซื้อบัตรคอนเสิร์ต ราคาบอลไหล แรง ล้มโต๊ะ เพื่อหวังมาอัปราคา สุดท้ายขายไม่ออก จากราคา 2,600 บาท ลดเหลือ 200 บาทต่อใบเท่านั้น ขาดทุนย่อยยับ

บัตรคอนเสิร์ตนั่งเล่น สาวซื้อตุนบัตรคอนเสิร์ต 8 แสน สุดท้ายขายติดดอยเหลือใบละ 200 ชาวเน็ตจี้ปมเขียนผิด
ชาวเน็ตต่างสมน้ำหน้า หากินบนความลำบากของแฟนคลับ แถมยังมีคำผิดที่ไม่น่าให้อภัย เช่น คำว่า นะค่ะ, แย้ง (แย่ง), กำไล (กำไร) มีข้อความทั้งหมดดังนี้ เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังค่ะกับเรื่องลงทุนบัตรคอนเสิร์ตนั่งเล่น เรากับเพื่อนตัดสินใจร่วมลงทุนกัน เราร่วมกันซื้อบัตรอ่อนนั่งเล่นทั้งหมด 183 ใบ 183*2600 = 475,800 บาท กับ บัตรแข็ง 144 ใบ 144*2600 = 374,400 รวมเป็นเงินทั้งหมด 850,200 บาท
หลายคนถามทำไมซื้อบัตรอ่อนไว้เยอะจังก็เพราะเราฟังจากคนที่ส่งบัตรไห้เราว่าบัตรมีน้อย ทำมาน้อยบัตรหมดแล้วต่างๆ นานา เพื่ออยากให้เราซื้อบัตรเอาไว้ เราก็เชื่อ เพราะปีที่แล้วบัตรออกมาน้อยจริง
เราก็ด้วยความคาดหวังว่าจะทำกำไรได้บ้างใบละ 50-100 ต่อใบก็ได้หลายบาทนะถ้าเราช้อนซื้อไว้ขนาดนี้ บัตรสปอนเซอร์ที่เค้าบอกแจกฟรี มันไม่ได้ฟรีอย่างที่พวกคุณคิดนะคะ ทุกอย่างมันมีต้นทุน แต่เราพูดได้เต็มปากเลยว่า บัตรสปอนเซอร์ที่เราได้มา ไม่ใช่ได้ฟรีค่ะ
เมื่อถึงวันงานราคาเริ่มตก ทุกคนต่างขายเทเราก็เริ่มขายเท แต่คือคนขาย ขายตัดราคากันเอง แย่งกันขาย แย่งกันวิ่งหาลูกค้า แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด บัตรอ่อนออกมาล้นตลาด ล้นแบบเกลื่อนไปหมด ทุกคนแย่งกันขาย แย่งกันออกตัว เราก็ขายขาดทุนแล้วขาดทุนอีก จากบัตร 2600 ลดเหลือใบละ 200 บาท บัตรก็ยังไม่หมด
ด้วยความที่บัตรมันออกมาจำนวนเยอะมากๆ แล้วพ่อค้าแม่ค้านับ 100 คนที่แย่งกันขายแบบหนีตาย หนูเชื่อว่างานนี้เจ็บกันทุกคน เจ็บมากเจ็บน้อย อยู่ที่การลงทุนนะตอนแรก
บทเรียนครึ่งนี้ ทำไห้เราล้มทั้งยืน ทำไห้เราหมดตัวกันเลย ต่อจากนี้เราจะเดินทางไหน จะทำยังไงกันต่อ ยังไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเอง ความรู้สึกตอนนี้มันดิ่งมากๆ ไม่รู้จะทำไงต่อ จำนำทอง จำนำของที่มี เอารถเข้าไฟแนนซ์เพื่อมาลงบัตร มันสุดจริงๆ มันหมดจริงๆ
วันที่ 15 ธันวาคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง มีการเล่าประสบการณ์การลงทุนด้วยเงิน 8 แสนบาท กว้านซื้อบัตรคอนเสิร์ตเพื่อหวังมาอัปราคา สุดท้ายขายไม่ออก จากราคา 2,600 บาท ลดเหลือ 200 บาทต่อใบเท่านั้น ขาดทุนย่อยยับ ชาวเน็ตต่างสมน้ำหน้า หากินบนความลำบากของแฟนคลับ แถมยังมีคำผิดที่ไม่น่าให้อภัย เช่น คำว่า นะค่ะ, แย้ง (แย่ง), กำไล (กำไร) มีข้อความทั้งหมดดังนี้
เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังค่ะกับเรื่องลงทุนบัตรคอนเสิร์ตนั่งเล่น
เรากับเพื่อนตัดสินใจร่วมลงทุนกันเราร่วมกันซื้อบัตรอ่อนนั่งเล่นทั้งหมด 183 ใบ 183*2600 = 475,800 บาท กับ บัตรแข็ง 144 ใบ 144*2600 = 374,400 รวมเป็นเงินทั้งหมด 850,200 บาท
หลายคนถามทำไมซื้อบัตรอ่อนไว้เยอะจังก็เพราะเราฟังจากคนที่ส่งบัตรไห้เราว่า บัตรมีน้อย ทำมาน้อย บัตรหมดแล้วต่างๆ นานาเพื่ออยากให้เราซื้อบัตรเอาไว้ เราก็เชื่อ เพราะปีที่แล้วบัตรออกมาน้อยจริง
เราก็ด้วยความคาดหวังว่าจะทำกำไรได้บ้างใบละ 50-100 ต่อใบก็ได้หลายบาทนะ ถ้าเราช้อนซื้อไว้ขนาดนี้บัตรสปอนเซอร์ที่เค้าบอกแจกฟรีมันไม่ได้ฟรีอย่างที่พวกคุณคิดนะคะ ทุกอย่างมันมีต้นทุน แต่เราพูดได้เต็มปากเลยว่า บัตรสปอนเซอร์ที่เราได้มา ไม่ใช่ได้ฟรีค่ะ
เมื่อถึงวันงานราคาเริ่มตกทุกคนต่างขายเทเราก็เริ่มขายเทแต่คือคนขายขายตัดราคากันเองแย่งกันขายแย่งกันวิ่งหาลูกค้า แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดบัตรอ่อนออกมาล้นตลาดล้นแบบเกลื่อนไปหมดทุกคนแย่งกันขายแย่งกันออกตัวเราก็ขายขาดทุนแล้วขาดทุนอีก จากบัตร 2600 ลดเหลือใบละ 200 บาท บัตรก็ยังไม่หมด
ด้วยความที่บัตรมันออกมาจำนวนเยอะมากๆ แล้วพ่อค้าแม่ค้านับ 100 คนที่แย่งกันขายแบบหนีตายหนูเชื่อว่างานนี้เจ็บกันทุกคนเจ็บมากเจ็บน้อยอยู่ที่การลงทุนนะตอนแรก
บทเรียนครึ่งนี้ทำไห้เราล้มทั้งยืนทำไห้เราหมดตัวกันเลยต่อจากนี้เราจะเดินทางไหนจะทำยังไงกันต่อยังไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเองความรู้สึกตอนนี้มันดิ่งมากๆ ไม่รู้จะทำไงต่อจำนำทองจำนำของที่มีเอารถเข้าไฟแนนซ์เพื่อมาลงบัตรมันสุดจริงๆ มันหมดจริงๆ